สวัสดีนักเทรดคริปโต! ในเรื่องต่อไปเกี่ยวกับประเภทของออร์เดอร์ในตลาดคริปโตผมอยากพูดเกี่ยวกับประเภทของราคาในการเทรดด้วย – Bid, Ask และ Last ใน 3commas ในวิดีโอนี้และคำอธิบายข้อความของมันผมจะอธิบายราคาแต่ละประเภทในสกุลเงินดิจิทัลลักษณะของพวกมันและความแตกต่างระหว่างกัน แล้วก็คุณต้องกำหนดราคาประเภทใดเมื่อสร้าง Take Profit และ Stop Loss เริ่มกันเลย!

แบบราคาในคริปโต

ขั้นแรกให้จินตนาการถึงตลาดทั่วไป เมื่อซื้อของในตลาดคุณมีทางเลือก 2 ทางคือซื้อสินค้าในราคาที่ผู้ขายเสนอ (Ask) หรือพยายามต่อรองราคา (Bid) เพื่อลดราคา ในกรณีแรกคุณรับประกันว่าจะได้รับสินค้าตามราคาที่ระบุไว้ ในกรณีที่สองเป็นไปได้ที่จะได้รับสินค้าในราคาที่ถูกกว่าหรืออาจจะไม่ได้ซื้อไรเลย โดยหลักการแล้วการดำเนินการตามออร์เดอร์ในตลาดคริปโตจะเหมือนกัน

Bid (บิด) – คือราคาที่นักเทรดพร้อมที่จะซื้อสกุลเงินดิจิทัลและ Ask – ราคาที่นักเทรดพร้อมที่จะขาย Spread (สเปรด) – คือความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอซื้อ ในกรณีแรกคุณต้องการซื้อในราคาที่ระบุไว้หรือดีกว่าเท่านั้น ในกรณีที่สองดูเหมือนว่าคุณจะบอกการแลกเปลี่ยนคริปโตว่าคุณกำลังจะซื้อปริมาณที่ประกาศในราคาใด ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

โดยปกติในการแลกเปลี่ยนคริปโตเราจะขายในราคา Bid และซื้อในราคา Aks นั่นคือดีลขายจะปิดที่ราคา Ask และดีลซื้อจะปิดที่ราคา Bid เรามักจะเห็นราคา Bid บนแผนภูมิ ถ้าคุณกำลังจะซื้อก็มักจะซื้อในราคาที่สูงกว่าเล็กน้อย มีสิ่งที่เรียกว่า Depth of Market หรือ Order Book (ออร์เดอร์สมุด) – รายการราคาและออร์เดอร์ซึ่งจะแสดงราคา Bid และ Ask ทั้งหมด

Bid – ออร์เดอร์ครั้งที่ 1 ที่จะซื้อจากสมุดออร์เดอร์ในการแลกเปลี่ยนคริปโต ASK – ออร์เดอร์ครั้งที่ 1 ที่จะขายจากสมุดออร์เดอร์ในการแลกเปลี่ยนคริปโต Last – ต้นทุนของธุรกรรมสุดท้ายในการแลกเปลี่ยนคริปโตไม่ว่าจะเป็นออร์เดอร์ซื้อหรือขาย โดยปกติเราจะเห็นราคาล่าสุดในแผนภูมิ ความจริงก็คือราคา Ask มักจะสูงกว่า Last และราคา Bid จะต่ำกว่า Last แต่ราคาเหล่านี้เป็นราคาที่ดีที่สุดที่ข้อเสนอแลกเปลี่ยนกับออร์เดอร์แบบตลาดกับ Take Profit

ราคาแบบ Bid ในคริปโตเคอเรนซี่

Binance, Kucoin หรือการแลกเปลี่ยนคริปโตอื่น ๆ จะรับราคาออเดอร์ซื้อจาก Order Book เมื่อนักทเรดปิดดีลแบบ Long โดยการขายโทเค็น ดังนั้นขอแนะนำให้ใช้ราคาแบบ Bid กับ Take Profit เมื่อคริปโตเคอเรนซี่ไปขึ้น ในทางกลับกันตัวแลกเปลี่ยนคริปโตจะรับออเดอร์ขายจาก Order Book เมื่อเทรดเดอร์ปิดดีลแบบ Short โดยการซื้อโทเค็น ในกรณีนี้ใช้ดีกว่าราคาแบบ Ask เพื่อปิด Take Profit เมื่อเหรียญตก

ออเดอร์แบบ Conditional เพื่อซื้อโทเค็นต้องใช้กับราคาแบบ Ask แต่ออเดอร์แบบ Conditional เพื่อขายโทเค็นต้องใช้กับราคาแบบ Bid ตัวอย่างเช่นในแผนภูมิราคาคือ 100 USDT ต่อ 1 ETH แต่ออเดอร์ซื้อครั้งแรกยังคงอยู่ที่ 97 USDT หรือมีออเดอร์ซื้อ Bid 90 USDT และผู้ค้าบางรายซื้อเหรียญ ETH ทั้งหมดสูงถึง 100 USDT โดยใช้การซื้อในตลาดใหญ่เพียงครั้งเดียว แต่ไม่มีใครสั่งซื้อที่สูงกว่า 100 USDT

แม้ว่าตอนนี้กราฟสกุลเงินดิจิทัลจะแสดงราคา 100 USDT แต่ราคา Bid ยังคงเป็น 90 USDT คุณสามารถดูราคาเหล่านี้ได้ด้วยตัวคุณเองใน Order Book เวลาการเทรด เปิดคู่การซื้อขายเหรียญ ใด ๆ และคุณจะเห็นความแตกต่างระหว่างของราคาแบบ Last (ราคาสุดท้ายที่อยู่ในแผนภูมิ) Bid (ราคาต่ำกว่าราคาปัจจุบัน) และ Ask (ราคาสูงกว่าราคาปัจจุบัน) สิ่งนี้จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโทเค็นในกรอบเวลา 1 นาทีและปริมาณเล็กน้อย

ถ้าคุณต้องการซื้อหรือขายในราคาที่แน่นอนคุณต้องใช้ออเดอร์แบบ Limit คือมันเขาจะมองเห็นได้ใน Order Book ดังนั้นเมื่อมีคนใช้ออเดอร์ซื้อแบบ Market จำนวนมาก ก็ออเดอร์ซื้อแบบ Limit ของคุณก็จะเต็มไปด้วย โปรดทราบว่าออเดอร์ที่มี Trailing Buy, Trailing Sell และ Trailing Take Profit จะดำเนินการโดยตลาดดังนั้นจึงใช้หลักการเดียวกันกับออเดอร์เหล่านี้ในการถามและเสนอราคา ดังนั้นจึงควรปิด Trailing และใช้ออเดอร์แบบ Limit ถ้าคุณอยากว่าออเดอร์ของคุณจะเต็มไปแน่น่อน

ราคาแบบ Ask ในคริปโตเคอเรนซี่ 1

ออร์เดอร์ตามเงื่อนไขจะเป็นไปตามราคาคริปโต ปัจจุบันเช่น Ask หรือ Bid อย่างไรก็ตามมีวิดีโอแยกต่างหากเกี่ยวกับ Market, Limit และ Conditional Orders ออร์เดอร์ประเภทนี้ช่วยหลีกเลี่ยงการแช่แข็งเงินของคุณและไม่แสดงออร์เดอร์ของคุณในสมุดออร์เดอร์ให้กับผู้ค้ารายอื่น อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการจับราคาที่เหมาะสมในตอนนี้ควรใช้ Limit Order

นอกจากนี้ยังมีออร์เดอร์ Conditional Limit ออร์เดอร์ดังกล่าวประกอบด้วย 2 ส่วน 1) ราคาออร์เดอร์ – ราคาของออร์เดอร์ Limit ที่ปรากฏในสมุดออร์เดอร์เมื่อราคาโทเค็นถึงเงื่อนไขที่กำหนด 2). ราคาตามสัญญาคือราคาที่กำหนดว่าจะวางออร์เดอร์ จำกัด เมื่อใด แต่ทำงานบนหลักการของ Market Orders

ออร์เดอร์ Conditional Limit ช่วยควบคุมราคาโทเค็นที่แย่ที่สุดที่คุณตกลงซื้อหรือขายโทเค็น อย่างไรก็ตามออร์เดอร์ดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินการในบางครั้ง ออร์เดอร์ Conditional Limit อาจติดอยู่ในสมุดออร์เดอร์เมื่อราคาผ่านระดับราคาของคุณอย่างรวดเร็วหรือราคาไม่ถึงระดับของคุณเลย

เพื่อให้ออร์เดอร์นี้ถูกเรียกใช้อย่างถูกต้องราคาออร์เดอร์จะวางไว้ต่ำกว่าราคาออร์เดอร์ขายตามเงื่อนไขเล็กน้อยและสูงกว่าราคาออร์เดอร์ตามเงื่อนไขเล็กน้อย แต่คุณไม่ควรวางราคาให้ต่ำลงมากสำหรับออร์เดอร์และราคาจะสูงกว่ามากสำหรับออร์เดอร์ขาย ในกรณีนี้ราคาจะต้องขยับมากขึ้นเพื่อให้ถึงออร์เดอร์ของคุณและดำเนินการได้ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่ออร์เดอร์ของคุณจะติดขัดในสมุดออร์เดอร์

ราคาแบบ Bid ใช้ได้อย่างไร

การติดตามราคาโดย Bid – ราคาจะเริ่มถูกกำหนดโดยออร์เดอร์แรกในสมุดออร์เดอร์ คุณซื้อ 1 Ether ที่ 100 USDT และวาง Take Profit + 5% นั่นคือที่ระดับราคา 105 USDT ราคา Ether เริ่มสูงขึ้นและเราสามารถสังเกตได้ดังต่อไปนี้ ออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Bid) คือ 102.25 USDT และออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Ask) คือ 103 USDT จะเกิดอะไรขึ้น – ราคาของเหรียญเพิ่มขึ้นมีการซื้อที่ใช้งานอยู่ Take Profit ของคุณกำลังรอดำเนินการ

ราคาเติบโตขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Bid) คือ 103.56 USDT และออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (สอบถาม) คือ 107 USDT จะเกิดอะไรขึ้น – ผู้ค้าบางรายทำการซื้อ ETH จำนวนมากซื้อออร์เดอร์ทั้งหมดในราคา 107 USDT แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมุดออร์เดอร์ กำลังรอการทำกำไรของคุณ

ราคาขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม ออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Bid) คือ 104.66 USDT และออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Ask) คือ 105 USDT จะเกิดอะไรขึ้น – ราคาของเหรียญเพิ่มขึ้นมีการซื้อที่ใช้งานอยู่ การทำกำไรของคุณยังคงรอดำเนินการ

ราคาเติบโตขึ้นอีกเป็นครั้งที่สี่ ออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Bid) คือ 105 USDT และออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Ask) คือ 105.02 USDT จะเกิดอะไรขึ้น – ราคาของเหรียญสูงขึ้น แต่คราวนี้ออร์เดอร์ที่เราต้องการสำหรับ Bid ที่มีราคา 105 USDT ปรากฏในหนังสือสั่งซื้อ Take Profit ของคุณปิดที่ราคาตลาด 105 USDT เนื่องจากเป็นไปตามเงื่อนไขของข้อตกลง

ตอนนี้เรามาดูตัวอย่างการใช้ Stop Loss ด้วยการติดตามราคา Bid คุณซื้อ Ether หนึ่งตัวในราคา 100 USDT และตั้งค่า Stop Loss เป็น -5% ที่ระดับราคา 95 USDT ราคาของ Ether เริ่มลดลงและเราเห็นสิ่งต่อไปนี้ในตลาดคริปโต ออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Bid) คือ 98.47 USDT และออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Ask) คือ 99 USDT เกิดอะไรขึ้น – ราคาของเหรียญตกลงมีการขายที่ใช้งานอยู่ Stop Loss ของคุณกำลังรอดำเนินการ

ราคาตกลงไปอีกเป็นครั้งที่สอง ออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Bid) คือ 96.99 USDT และออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Ask) คือ 97 USDT เกิดอะไรขึ้น – ราคาของเหรียญตกลงมีการขายที่ใช้งานอยู่ Stop Loss ของคุณกำลังรอดำเนินการ

ราคาตกลงอีกเป็นครั้งที่สาม ออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Bid) คือ 94 USDT และออร์เดอร์แรกในสมุดออร์เดอร์ (Ask) คือ 96.8 USDT เกิดอะไรขึ้น – ผู้ค้าบางรายขาย ETH จำนวนมากปิดออร์เดอร์ทั้งหมดสูงถึง 94 USDT แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมุดออร์เดอร์ Stop Loss ของคุณปิดที่ราคาตลาด 94 USDT เนื่องจากราคาประมูลขั้นต่ำถูกกรอก

ราคาแบบ Ask ใช้ได้อย่างไร

การติดตามราคาเสนอขาย – ราคาจะเริ่มถูกกำหนดโดยออร์เดอร์ขายแรกในสมุดออร์เดอร์ คุณซื้อ 1 Ether ที่ 100 USDT และวาง Take Profit + 5% นั่นคือที่ระดับราคา 105 USDT ราคา Ether เริ่มสูงขึ้นและเราสามารถสังเกตได้ดังต่อไปนี้ ออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Bid) คือ 102.25 USDT และออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Ask) คือ 103 USDT จะเกิดอะไรขึ้น – ราคาของเหรียญเพิ่มขึ้นมีการซื้อที่ใช้งานอยู่ Take Profit ของคุณกำลังรอดำเนินการ

ราคาเพิ่มขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง … ออร์เดอร์แรกในสมุดออร์เดอร์ (Bid) คือ 103.48 USDT และออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Ask) คือ 104.24 USDT จะเกิดอะไรขึ้น – ราคาของเหรียญเพิ่มขึ้นมีการซื้อที่ใช้งานอยู่ กำลังรอการทำกำไรของคุณ

ราคาเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่สาม … ออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (การเสนอราคา) คือ 103.56 USDT และออร์เดอร์แรกในสมุดออร์เดอร์ (Ask) คือ 107 USDT จะเกิดอะไรขึ้น – ผู้ค้าบางรายซื้อ ETH จำนวนมากซื้อออร์เดอร์ทั้งหมดในราคา 107 USDT แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมุดออร์เดอร์ Take Profit ของคุณปิดโดยตลาดที่ 103.56 USDT เนื่องจากถึงราคาเสนอขายที่ต้องการแล้ว

ตอนนี้เรามาดูตัวอย่างการใช้ Stop Loss กับการติดตามราคา Ask คุณซื้อ Ether หนึ่งตัวในราคา 100 USDT และตั้งค่า Stop Loss เป็น -5% ที่ระดับราคา 95 USDT ราคาของ Ether เริ่มลดลงและเราเห็นสิ่งต่อไปนี้ในตลาดคริปโต ออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Bid) คือ 98.47 USDT และออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Ask) คือ 99 USDT เกิดอะไรขึ้น – ราคาของเหรียญตกลงมีการขายที่ใช้งานอยู่ Stop Loss ของคุณกำลังรอดำเนินการ

ราคาลดลงอีกเป็นครั้งที่สอง … ออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Bid) คือ 94 USDT และออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Ask) คือ 96.8 USDT เกิดอะไรขึ้น – ผู้ค้าบางรายขาย ETH จำนวนมากและปิดออร์เดอร์ทั้งหมดจนถึงราคา 94 USDT แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมุดออร์เดอร์Stop Loss ของคุณกำลังรอดำเนินการ

ราคาลดลงอีกเป็นครั้งที่สาม … ออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Bid) คือ 94.87 USDT และออร์เดอร์แรกในหนังสือสั่งซื้อ (Ask) คือ 94.99 USDT เกิดอะไรขึ้น – ราคาของเหรียญตกลงมีการขายที่ใช้งานอยู่ Stop Loss ของคุณปิดในตลาดที่ 94.87 USDT เนื่องจากราคาเสนอขายขั้นต่ำถึงแล้ว

อะไรที่ดีที่สุดใช้ในการเทรดคริปโต – ราคาแบบ Bid, Ask หรือ Last?

จากที่กล่าวมาข้างต้นเกี่ยวกับกลไกของ Ask และ Bid เราสามารถสรุปได้ว่า Ask เหมาะสมกว่าสำหรับ Stop Loss และ Bid จะดีกว่าสำหรับ Take Profit ตามหลักการแล้วนี่เป็นความจริงแม้ว่าบางครั้งจะมีข้อยกเว้น ตัวอย่างเช่นคุณใส่ Stop Loss ใน Ask ราคาของเหรียญเริ่มตกลงและเข้าใกล้ Stop Loss การขายจำนวนมากเริ่มต้นขึ้น แต่เนื่องจาก Ask ยังคงอยู่เหนือ Stop Loss เมื่อราคาเสนอมาถึงและลดลง จากนั้นราคาของคริปโต จะกลับตัวและขยับขึ้น

ด้วยเหตุการณ์ที่แตกต่างกันนี้คุณโชคดีเนื่องจากคุณมี Ask และ Stop Loss ของคุณไม่ได้ผลและราคาก็ไปในทิศทางของผลกำไรที่คุณต้องการ ลองนึกดูว่าคุณเลือกที่จะถามและหยุดการสูญเสีย -10% เสมอ เรื่องราวเกี่ยวกับการล่มสลายของเหรียญของคุณซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่คราวนี้การเข้ารหัสลับไม่เปิดเผย แต่จะลดลงอีก เมื่อเสร็จสิ้นการขายครั้งแรกราคาประมูลของโทเค็นได้ลดลงต่ำกว่า Stop Loss แล้วและอยู่ที่ระดับ -12%

ราคา Ask อยู่ที่ระดับ -8% และ Stop Loss จะยังไม่ถูกกระตุ้น ราคายังคงลดลงถึง -19% สำหรับ Bid และ -13% สำหรับ Ask Stop Loss ของคุณถูกกระตุ้นโดยตลาดและการสูญเสียของคุณคือ -19% แต่ถ้าคุณเลือกวิธีการกำหนดราคา Bid การสูญเสียของคุณจะเท่ากับ 12%

ปรากฎว่าไม่มีตัวเลือกที่ดีที่สุดระหว่างราคา Bid และ Ask เนื่องจากในกรณีแรกและครั้งที่สองมีข้อดีและข้อเสีย ในการเสนอราคามีความเป็นไปได้ที่จะถูกโยนออกจากตลาดคริปโตก่อนเวลาและในการขอให้ได้รับการสูญเสียครั้งใหญ่ใน Stop Loss ดังนั้นคุณจะต้องเลือกตามกลยุทธ์การซื้อขายการจัดการเงินความเสี่ยงและความชอบของคุณ

สำหรับการทำกำไรปัจจุบันนักเทรดมืออาชีพควรเลือกราคาเสนอซื้อ ความจริงก็คือหากผู้ใช้รายอื่นสร้างการซื้อจำนวนมากและราคาสำหรับหนังสือสั่งซื้อเพิ่มขึ้น + 20% การซื้อขายของคุณจะยังคงถูกปิดโดยสมุดออร์เดอร์ และกำไรในขณะนี้อาจเป็นเพียง + 5% เท่านั้น

วิดีโอเกี่ยวกับราคาแบบ Bid, Ask และ Lastในการเทรดเสร็จสมบูรณ์แล้ว นี่อาจเป็นหนึ่งในวิดีโอและบทความที่ยาวที่สุดใน botcryptotrade.com เนื่องจากเนื้อหามีความสำคัญมากและไม่จำเป็นต้องแยกออกเป็นส่วน ๆ ถ้าคุณไม่เข้าใจบางอย่างโปรดดูวิดีโอนี้อีกครั้งและอ่านคำอธิบายข้อความเพื่อทำความเข้าใจทุกอย่างมากกว่า แล้วพบกันในวิดีโอใหม่ในช่องของเรานะครับ!